สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร ได้ทำการศึกษารูปแบบการบริหารจัดการชุมชนต้นแบบเพื่อสุขภาวะของการอยู่อาศัยและใช้ชีวิตในอาคารชุด โดยการสำรวจพฤติกรรมของผู้อยู่อาศัยอาคารชุดในกรุงเทพฯ พบว่ามีวิถีชีวิตที่เร่งรีบตอนเช้า กลับค่ำ ส่งผลต่อสภาวะความเครียด
ขาดปฏิสัมพันธ์ของผู้อยู่อาศัย ละเลยกฎการอยู่ร่วมกัน
มีลักษณะครอบครัวเดี่ยวที่มีแนวโน้มเข้าสู่สังคมสูงอายุ ขาดการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม
มีความเสี่ยงต่อโรคตึกเป็นพิษ (Sick Building Syndrome : SBS) คือ มีอาการปวดหัว คลื่นไส้ คัดจมูก ไอ จาม เกิดผดผื่นคัน ระคายเคืองตา
เนื่องจากระบบหมุนเวียนอากาศ ฝุ่นละอองและเชื้อโรคภายในตึก ปัญหาหลักของวัฒนธรรมการอยู่ร่วมกัน คือ การไม่ปฏิบัติตามกฎการอยู่รวมกัน และมีความต้องการกำหนดวัฒนธรรมการอยู่ร่วมกันเพื่อความสุขสงบ และจากความที่ไม่รู้จักกัน
ต้องการให้ผู้ดูแลคอนโดดูแลสุขทุกข์ของผู้อยู่อาศัย
จากการศึกษาทดลองนำร่องในพื้นที่ตึกสูง พบว่าวิธีที่ได้ผลคือการหาแกนนำในพื้นที่มาขับเคลื่อน ซึ่งอาจเป็นผู้นำกิจกรรมชุมชนอยู่แล้ว
เช่น ผู้จัดการโครงการหรือนิติบุคคล โดยพัฒนาให้มีความรู้เรื่องสุขภาพที่ดีทั้ง 4 มิติ ได้แก่ กาย ใจ สังคม และปัญญา
ทักษะการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วม ทักษะการฟังเพื่อจัดการความขัดแย้ง
เรียนรู้การออกแบบกิจกรรมเพื่อส่งเสริมสุขภาวะและฝึกออกแบบกิจกรรมจริงในพื้นที่ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนงานสร้างสุขภาวะของผู้อยู่อาศัย
การสร้างเสริมสุขภาพที่เกิดขึ้นในชุมชนอาคารชุด ผู้อยู่อาศัยไม่ใช่แค่ผู้ร่วมกิจกรรมแต่เป็นผู้ร่วมจัดกิจกรรม เช่น กิจกรรมการฉีดวัคซีน การกำจัดแมลง ทำให้มีชุดความรู้ในการส่งเสริมสุขภาพของผู้อยู่อาศัยในตึกสูงมากขึ้น และสิ่งที่ได้เสริม คือ ความขัดแย้งลดลง ผู้จัดการชุมชนได้รับการยอมรับ ผู้อยู่อาศัยมีส่วนร่วมในมิติการตอบสนองเพิ่มขึ้น ความท้าทายของการทำงาน คือ การคัดนิติบุคคลบริหารจัดการอาคารชุดที่มีทักษะการสร้างการมีส่วนร่วม พร้อมที่จะเรียนรู้และเผยแพร่ความรู้เรื่องสุขภาวะชุมชน ซึ่งเป็นการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในอาคารชุดที่ยั่งยืน
หากมีผู้ป่วยโรคระบาดเกิดขึ้นกับชุมชนแนวตั้ง หน่วยงานสาธารณสุขก็ไม่รู้ข้อมูลและไม่สามารถเข้าไปจัดการได้หากอาคารไม่เปิดพื้นที่ ดังนั้นความร่วมมือในการทำงานร่วมกัน พบว่าต้องมีการส่งเสริมกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอ การรักษามาตรฐานการให้บริการของเจ้าหน้าที่ และเปิดโอกาสให้สมาชิกมีส่วนร่วมในการแสดงความเห็น หากจัดการในเมืองที่ยากอย่างกรุงเทพได้แล้วเมืองอื่นก็สามารถทำได้
ที่มา : โครงการศึกษารูปแบบการบริหารจัดการชุมชนต้นแบบเพื่อสุขภาวะของการอยู่อาศัยและใช้ชีวิตในอาคารชุด , สืบค้นเมื่อ 4 ตุลาคม 2560
การสร้างเสริมสุขภาพที่เกิดขึ้นในชุมชนอาคารชุด ผู้อยู่อาศัยไม่ใช่แค่ผู้ร่วมกิจกรรมแต่เป็นผู้ร่วมจัดกิจกรรม เช่น กิจกรรมการฉีดวัคซีน การกำจัดแมลง ทำให้มีชุดความรู้ในการส่งเสริมสุขภาพของผู้อยู่อาศัยในตึกสูงมากขึ้น และสิ่งที่ได้เสริม คือ ความขัดแย้งลดลง ผู้จัดการชุมชนได้รับการยอมรับ ผู้อยู่อาศัยมีส่วนร่วมในมิติการตอบสนองเพิ่มขึ้น ความท้าทายของการทำงาน คือ การคัดนิติบุคคลบริหารจัดการอาคารชุดที่มีทักษะการสร้างการมีส่วนร่วม พร้อมที่จะเรียนรู้และเผยแพร่ความรู้เรื่องสุขภาวะชุมชน ซึ่งเป็นการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในอาคารชุดที่ยั่งยืน
หากมีผู้ป่วยโรคระบาดเกิดขึ้นกับชุมชนแนวตั้ง หน่วยงานสาธารณสุขก็ไม่รู้ข้อมูลและไม่สามารถเข้าไปจัดการได้หากอาคารไม่เปิดพื้นที่ ดังนั้นความร่วมมือในการทำงานร่วมกัน พบว่าต้องมีการส่งเสริมกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอ การรักษามาตรฐานการให้บริการของเจ้าหน้าที่ และเปิดโอกาสให้สมาชิกมีส่วนร่วมในการแสดงความเห็น หากจัดการในเมืองที่ยากอย่างกรุงเทพได้แล้วเมืองอื่นก็สามารถทำได้
ที่มา : โครงการศึกษารูปแบบการบริหารจัดการชุมชนต้นแบบเพื่อสุขภาวะของการอยู่อาศัยและใช้ชีวิตในอาคารชุด , สืบค้นเมื่อ 4 ตุลาคม 2560
ผู้เรียบเรียง : ภก.เชิดเกียรติ แกล้วกสิกิจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น