วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2561

บทความทางวิชาการ ตอน โรคพิษสุนัขบ้าเมืองใหญ่ เตือนภัยดูแลบุตรหลาน


ความเป็นมา
      ในแต่ละปีทั่วโลกจะมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคพิษสุนัขบ้าปีละกว่า 55,000 ราย  กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข  คาดการณ์ว่ามีผู้ถูกสุนัขกัดถึงประมาณ 3 - 4 แสนรายต่อปี  เสียชีวิตประมาณ 15 - 20 รายต่อปี   จากการเฝ้าระวังสถานการณ์โรคพิษสุนัขบ้า ของกรมควบคุมโรค ช่วงวันที่ 1 ม.ค. – 22 มี.ค.2561 พบรายงานผู้เสียชีวิตจากโรคนี้จำนวน 6 ราย จาก 6 จังหวัด
       ข้อมูลจากกรมปศุสัตว์ ช่วงวันที่ 1 ม.ค. – 21 มี.ค.2561 พบว่าจากการตรวจตัวอย่างสัตว์จำนวน 3,261 ตัวอย่าง พบตัวอย่างผลบวกเชื้อพิษสุนัขบ้าจำนวน 444 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 13.26 ชนิดสัตว์ที่พบเชื้อฯ มากที่สุดกว่าร้อยละ 91 คือ สุนัข รองลงมาคือ โค และแมว ในส่วนที่พบผลบวกเชื้อฯ ในสุนัขและแมวพบว่าส่วนใหญ่ ไม่พบการฉีดวัคซีนและไม่ทราบประวัติ  รองลงมาพบว่าเป็นสุนัขจรจัดไม่มีเจ้าของ      


       ในประเทศไทยแต่ละปีทำให้รัฐบาลต้องสูญเสียงบประมาณในการควบคุมป้องกันโรคทั้งในคนและสัตว์มากกว่า 1,000 ล้านบาท   ยังไม่นับรวมค่าความเสียหายและผลกระทบด้านอื่นๆ ที่ตามมาอีกเป็นจำนวนมาก  เหตุผลเนื่องมาจากการฉีดวัคซีนป้องกันโรคในสุนัข และแมวยังดำเนินการได้ไม่ถึงร้อยละ 80 ของจำนวนสัตว์เลี้ยงทั้งหมด  อีกทั้งยังมีการปล่อยทิ้งสุนัขในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้มีจำนวนสุนัขจรจัดเพิ่มมากขึ้น และประชาชนบางส่วนยังขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการควบคุมป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
       หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันป้องกันควบคุมโรคพิษสุนัขบ้าอย่างต่อเนื่อง 


ผลกระทบ
          โรคพิษสุนัขบ้า (Rabies) หรือที่เรียกว่าโรคกลัวน้ำ (Hydrophobia) จัดเป็นโรคติดต่อร้ายแรง เกิดจากเชื้อไวรัสเรบี่ส์  (Rabies)  เป็นโรคติดเชื้อของระบบประสาทส่วนกลางที่มีอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คนที่เป็นปัญหาทางด้านสาธารณสุขที่ทำให้คนและสัตว์ป่วยและเสียชีวิตด้วยความทรมานทุกราย  พาหะนำโรคที่สำคัญ คือ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด เช่น สุนัข ประมาณ 95% รองลงมาคือแมว ลิง กระรอก ค้างคาว พังพอน ฯลฯ
           โดยเชื้อไวรัสออกมากับน้ำลายของสัตว์ที่ติดเชื้อ และเข้าสู่ร่างกายคนทางบาดแผลที่สัตว์กัดหรือข่วน หรือเลียผิวหนังที่มีบาดแผล บางครั้งพบว่าเชื้อสามารถเข้าทางบาดแผลที่เกิดขึ้นใหม่ ๆ ตามผิวหนัง หรือเข้าเยื่อบุของตา  ปาก  จมูก  ที่ไม่มีแผล หรือรอยฉีกขาด จากนั้นเชื้อเข้าสู่แขนงประสาท และระบบประสาทส่วนกลาง  แล้วเข้าสู่สมองและเริ่มเพิ่มจำนวนเชื้อ  ส่งผลให้ผู้ป่วยจะมีอาการทางประสาท โดยเฉพาะที่ระบบประสาทส่วนกลาง อาการคนที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้า ในระยะ 2-3 วันแรก อาจมีไข้ต่ำ ๆ ต่อไปจะมีอาการเจ็บคอ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย คันหรือปวดแสบปวดร้อนตรงบริเวณแผลที่ถูกกัด ทั้ง ๆ ที่แผลอาจหายเป็นปกติแล้ว ต่อไปจะมีอาการตื่นเต้นง่าย กระสับกระส่าย ไม่อยู่สุข กระวนกระวาย ไม่ชอบแสงสว่าง ไม่ชอบลม และไม่ชอบเสียงดัง กลืนลำบาก แม้จะเป็นของเหลวหรือน้ำ มีอาการกลัวน้ำ มีน้ำลายไหล เวลากลืนกินน้ำจะสำลักและเจ็บปวดมาก เพราะกล้ามเนื้อคอเป็นอัมพาตและเกร็งของกล้ามเนื้อที่ใช้ในการกลืน แต่ยังมีสติพูดจารู้เรื่อง
            ระยะต่อมาจะเอะอะมากขึ้น สงบสลับกับชัก มีอาการคลุ้มคลั่ง ดุร้าย อาละวาด เมื่อเชื้อเข้าสู่ไขสันหลังเชื้อจะเพิ่มจำนวนมากทำให้สมองและไขสันหลังทำงานผิดปกติ ถ้าเชื้อเดินทางมาถึงสมองแล้วภูมิต้านทานที่ร่างกายสร้างขึ้นหลังจากฉีดวัคซีนก็จะป้องกันไม่ได้  และสุดท้ายบางรายอาจมีอาการชัก เป็นอัมพาต หมดสติ และจะเสียชีวิตทุกราย เนื่องจากส่วนที่สำคัญของสมองถูกทำลายไปหมด โดยเฉลี่ยจะเสียชีวิตใน 2-6 วัน
     ในช่วงฤดูร้อนต้นปี 2561 นี้พบการเกิดโรคพิษสุนัขบ้าหลายพื้นที่ ประกอบกับเป็นช่วงปิดเทอม เด็กที่เล่นหรือใกล้ชิดกับสัตว์มีโอกาสสัมผัสและรับเชื้อเข้าร่างกายได้ 


คำแนะนำประชาชน
วิธีการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าที่ดีที่สุด คือ ผู้เลี้ยงสุนัขหรือแมว ควรนำสัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ครั้งแรกเมื่อมีอายุ 2 - 4 เดือน และฉีดซ้ำตามกำหนดทุกปี  นอกจากนี้ผู้ปกครองควรระมัดระวังเด็กในการเล่นกับสัตว์เลี้ยง ไม่ควรเล่นใกล้ชิดเกินไป ไม่แหย่หรือรบกวนสุนัข หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้สัตว์ที่มีพฤติกรรมผิดปกติ หากพบสุนัข แมว หรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตาย หรือมีอาการ  สังเกตอาการทั่วไปของสัตว์เลี้ยง หากมีอาการผิดปกติ เช่น ซึม ไม่กินอาหาร อาเจียน  อัมพาต ขาอ่อนแรง หรือคลุ้มคลั่งมีอาการดุร้าย ให้แจ้งไปที่เจ้าหน้าที่ ผู้นำชุมชน หรือ อสม.ในพื้นที่
          ในส่วนประชาชนหากเลี้ยงสัตว์ที่ดุร้ายควรกักขัง หรือใส่ตะกร้อปาก หรือผูกล่ามในสถานที่เหมาะสมห่างจากผู้พักพิงอื่น ๆ โดยเฉพาะเด็ก และเด็กเล็ก ระวังบุตรหลานในการเล่นกับสุนัขหรือแมว  ให้อาหารสัตว์ตามความเหมาะสม ไม่ให้สัตว์มีความหิวเพราะสัตว์จะมีอารมณ์หงุดหงิดได้ การให้อาหารสุนัขที่อยู่รวมกันหลายตัว อย่าวางอาหารใกล้ชิดกับสุนัขเกินไป เพราะสุนัขจะกรูเข้าแย่งอาหารและกัดกัน ซึ่งจะพลาดถูกกัด  แล้ว
          ข้อปฏิบัติ หากถูกสุนัข แมว กัดหรือข่วน ให้รีบปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้
1.    รีบล้างแผลให้เร็วที่สุดด้วยสบู่และน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลดการติดเชื้อ เพราะจะทำให้เชื้อโรคต่างๆ ที่บริเวณนั้นหลุดออกจากแผลไปตามน้ำ จากนั้นเช้ดแผลให้แห้ง และใส่ยาฆ่าเชื้อ เช่น โพวิโดนไอโอดีน หรือ ทิงเจอร์ไอโอดีน หรือยาฆ่าเชื้ออื่นๆ
2.    ต้องจดจำลักษณะและสังเกตอาการสัตว์ที่กัด หากเป็นสัตว์ที่มีเจ้าของควรขอประวัติการฉีดยาของสุนัข หรือแมว หากไม่มีเจ้าของหรือไม่ทราบที่มาของสัตว์ ควรแยกสัตว์ไว้สังเกตอาการ 10 วัน หรือแม้จะเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านก็ตาม
3.    รีบพาผู้ประสบเหตุไปสถานบริการสาธารณสุขเพื่อฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าทันที และควรติดตามดูอาการสุนัขหรือแมวนั้น 10  วัน  หากยังปกติอยู่รีบแจ้งให้แพทย์ทราบเพื่อหยุดฉีดวัคซีนได้ 



บทสรุปเพื่ออนาคต
องค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ และองค์การอนามัยโลก ได้กำหนดเป้าหมายร่วมกันที่จะทำให้ทุกประเทศกำจัดโรคพิษสุนัขบ้าให้หมดไปภายในปี พ.ศ.2563 ดังนั้นจึงควรส่งเสริมบทบาทองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ออกข้อบัญญัติท้องถิ่น เทศบัญญัติ ส่งเสริมการใช้กฎหมายเพื่อให้ประชาชนในชุมชนปลอดภัยจากโรคพิษสุนัขบ้า ระดมทรัพยากรในการป้องกันควบคุมโรคพิษสุนัขบ้า  ให้สุนัข แมว ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้ครอบคลุมจำนวนประชากรสัตว์ทั้งหมดมากที่สุดอย่างต่อเนื่องในพื้นที่เสี่ยง หรือในที่สาธารณะ เช่น วัด โรงเรียน ตลาดแหล่งชุมชน สถานที่ท่องเที่ยว สถานที่ราชการ  ควบคุมและลดจำนวนประชากรสุนัข แมว มีและไม่มีเจ้าของ   


ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน  เกิดความร่วมมือประสานงานกัน เร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจและตระหนักถึงอันตรายจากโรคพิษสุนัขบ้าอย่างต่อเนื่อง  รวมทั้งสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนในชุมชนให้ความสำคัญในการเลี้ยงและดูแลสุนัขและแมว อย่างถูกวิธีและเห็นความสำคัญในการนำสุนัขและแมว ไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้ครอบคลุมในเวลาเดียวกัน และร่วมกันลดปัญหาการเพิ่มจำนวนของสุนัขจรจัด    
          
ถูกกัดต้องล้างแผล  ใส่ยา  กักหมา  หาหมอ ฉีดต่อจนครบ ปลอดโรคพิษสุนัขบ้า



เรียบเรียงโดย  เภสัชกรเชิดเกียรติ  แกล้วกสิกิจ  
ข้อมูลสถิติที่มา : 1. กรมควบคุมโรค  , สืบค้นเมื่อ 26 มี.ค.2561
                         2. กรมปศุสัตว์   , สืบค้นเมื่อ 26 มี.ค.2561
                         2. 
องค์การอนามัยโลก (WHO) , สืบค้นเมื่อ 26 มี.ค.2561

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น