ความเป็นมา
ปี 2559 องค์การอนามัยโลก (WHO)
รายงานว่าทั่วโลกในแต่ละวันมีผู้ติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เฉลี่ยวันละ
1 ล้านคน หรือปีละ 357 ล้านคน สำหรับประเทศไทย สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค รายงานว่าในช่วงปี 2555 -
2560 มีอัตราป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คิดเป็น 28.9 ต่อแสนประชากร กลุ่มเยาวชนอายุ 15
- 24 ปี เป็นกลุ่มที่มีอัตราป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สูง (143.44
ต่อประชากรแสนคน) กว่าทุกช่วงอายุ
โดยจำแนกโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
เรียงตามลำดับจำนวนผู้ป่วยมากไปหาน้อย 3 โรค คือ โรคหนองใน
โรคซิฟิลิส โรคแผลริมอ่อน โดยผลสำรวจพบอัตราการใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดกับแฟนหรือคนรัก
ในกลุ่มนักเรียนชั้น ม.5 ลดลง แต่กลุ่มนักเรียนอาชีวศึกษา (ปวช. 2) เพิ่มขึ้น
รายงานประจำปี 2558 กลุ่มระบาดวิทยาฯ
สคร.2 พิษณุโลก พบว่าในเขตพื้นที่ 5 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง
มีผู้ติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จำนวน
890 ราย คิดเป็น 25.4 ต่อแสนประชากร เป็นเพศชาย 683 ราย
เพศหญิง 207 รายอัตราส่วนชายต่อหญิง 3.3 : 1 ช่วงอายุป่วยสูงสุดคือ 15-24 ปี รองลงมาคือ 25-34
ปี ตามลำดับ
ในเขต 5 จังหวัด
ภาคเหนือตอนล่าง มีสัดส่วนผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในเขตเมืองใหญ่มากกว่าประมาณร้อยละ 50
ของผู้ป่วยรวมทั้งจังหวัด
จึงยังมีประชาชนในเขตเมืองใหญ่อีกจำนวนมากที่ยังเข้าไม่ถึงบริการในการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพื่อรับทราบสถานะความเจ็บป่วยของตนเอง
ผลกระทบ
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Infections :
STI) มี 5 โรคหลัก ได้แก่ ซิฟิลิส หนองใน กามโรคของต่อมและต่อมน้ำเหลือง
หนองในเทียม และแผลริมอ่อน ส่วนโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ได้แก่ เริมที่อวัยวะเพศและทวารหนัก
หูดอวัยวะเพศและ ทวารหนัก พยาธิช่องคลอด
โรคนี้เกิดจากการติดต่อผ่านทางการเพศสัมพันธ์ ทางช่องคลอด ทางปาก หรือทางทวารหนัก
กับผู้ที่เป็นโรคหรือผู้ติดเชื้อ โดยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
บางช่วงของปีเป็นช่วงเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความรักที่อบอวลไปด้วยความสุขในการแสดงถึงความห่วงใยถึงคนที่เรารักหรือปรารถนาดี
คู่รักวัยรุ่นบางส่วนอาจจะแสดงออกโดยการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างกันทั้งโดยทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ
ซึ่งหากมิได้ป้องกันก็มีโอกาสรับเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคเอดส์ได้
ทำให้เกิดปัญหาการแพร่ระบาดของโรค การติดเชื้อโรคนี้ในเพศหญิงส่วนใหญ่มักไม่ปรากฏอาการ แต่ก็ยังสามารถแพร่เชื้อให้กับคู่นอนได้ รวมทั้งอาจมีการท้องไม่พร้อม
และผลกระทบอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย
ในปัจจุบันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ยังคงเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ
แนวโน้มอัตราป่วยที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย
ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการติดเชื้อเอชไอวีได้ เพราะผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
มีโอกาสติดเชื้อเอชไอวี จากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย มากกว่าคนทั่วไป 5-9
เท่า
ซึ่งการติดเชื้อเอชไอวี
และโรคเอดส์เป็นโรคที่ทำให้เกิดการสูญเสียทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศเป็นอย่างมาก
การดูแลรักษา และการป้องกันควบคุมโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยลดการแพร่กระจาย
เชื้อเอชไอวีได้อีกทางหนึ่ง
นวัตกรรมความสำเร็จ
ปัจจุบันเข้าสู่ยุคสังคมดิจิตอล 4.0 ดังนั้น
สคร.2 พิษณุโลก จึงได้พัฒนา “ระบบตรวจสุขภาพทางเพศออนไลน์ด้วยตนเอง”
ขึ้น เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนรุ่นใหม่ได้เข้าถึงบริการเชิงรุกการคัดกรองความเสี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้มากขึ้น
โดยเพียงใช้โทรศัพท์มือถือ
Smartphone ระบบ Android หรือ IOS เปิด Application LINE จากนั้นไปเมนูเพิ่มเพื่อน
แล้วแสกนภาพคิวอาร์โค๊ด (ตามภาพ) หรือจะไปโดยตรงที่ลิ้ง
https://t.co/X7tf7iww2s จะสามารถเข้าสู่ระบบได้ด้วยตนเองทันที จากนั้นตอบแบบประเมินออนไลน์ จำนวน
15 ข้อคำถามทางพฤติกรรม ใช้เวลาทำประมาณ 2 ถึง 5 นาที เมื่อให้ข้อมูลครบทุกข้อแล้ว ระบบจะแสดงผลเป็นตัวเลขร้อยละทันที
และจัดระดับว่าผู้ประเมินตนเองนั้นมีความเสี่ยงน้อย เสี่ยงปานกลาง เสี่ยงมาก หรือเสี่ยงมากที่สุด
ถ้าผลออกมาว่าเสี่ยงมาก และมากที่สุด
จะมีคำแนะนำอัตโนมัติ ถึงสถานที่ตรวจสุขภาพทางเพศแบบปกปิด เพื่อยันยันให้แน่ชัดทางวิทยาศาสตร์อีกครั้ง
พร้อมมีคำแนะนำที่ถูกต้องด้านสุขภาพทางเพศ โดยผู้ตอบแบบประเมินออนไลน์นี้จะไม่รู้สึกกระดากอายต่อผู้อื่น
เนื่องจากไม่ต้องเปิดเผยความลับของตน สามารถให้ข้อมูลตามจริงได้มากที่สุด
เปิดโอกาสให้รับทราบสถานะความเสี่ยงทางสุขภาพทางเพศของตนเองได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย
ส่งผลให้มีความตระหนักในการป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากโรค
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม รู้วิธีการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรค
ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วยตนเองได้อย่างถูกต้อง
บทสรุปเพื่ออนาคต
เพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย หมายถึง
เมื่อคู่รักตกลงปลงใจที่จะมีเพศสัมพันธ์กัน
ก็ควรเป็นเพศสัมพันธ์ที่อยู่บนความรับผิดชอบต่อกันและกัน ต่อสังคม
และเป็นเพศสัมพันธ์ที่ต้องปลอดภัยเสมอ ถุงยางอนามัย คือ อุปกรณ์ในการป้องกันโรคจากการมีเพศสัมพันธ์
ปัจจุบันมีทั้งถุงยางอนามัยสำหรับชาย และสำหรับหญิง สามารถป้องกันติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคเอดส์
ไวรัสตับอักเสบบี และป้องกันการตั้งครรภ์ได้ นับเป็นวิธีการป้องกันที่นิยมและได้ผลดีที่สุดวิธีหนึ่ง ทุกคนจึงควรต้องใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนที่มีความเสี่ยง
และทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นทางอวัยวะเพศ ทางทวารหนัก หรือทางปาก
ผู้ปกครองควรให้คำแนะนำต่อบุตรหลานที่อยู่ในวัยเยาวชนอย่างสม่ำเสมอ ว่าการแสดงความรักต่อกันเป็นสิ่งที่ดี เป็นความงดงาม แต่จะต้องมีความรับผิดชอบ อีกทั้งการแสดงความรักนั้น สามารถแสดงออกได้หลายรูปแบบ โดยไม่จำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์กันก็ได้ เช่น การให้สิ่งของต่อกัน ดอกไม้ การ์ดหรือคำอวยพร และที่สำคัญที่สุดอย่าให้ความรักที่มีต่อแฟนหรือคู่รัก มีอิทธิพลเหนือความรักและความหวังดีที่พ่อ แม่ พี่น้อง ครูอาจารย์ ที่มีให้กับตัวของเยาวชน และควรส่งเสริมค่านิยมขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของไทย
แต่ถ้าไม่อาจจะหักห้ามจิตใจได้
ถ้าจะมีเพศสัมพันธ์ ก็ต้องไม่ลืมป้องกันตนเองโดยใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง
เพราะเป็นสิ่งป้องกันตัวเองที่ปลอดภัยที่สุดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โรคเอดส์
และการตั้งครรภ์ เปรียบเสมือนว่า "สวมเสื้อผ้าเพื่อปกป้องร่างกาย
สวมถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรค”
“รักตัวเอง รักคู่ ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง กับทุกคน
และทุกช่องทางที่มีเพศสัมพันธ์มีความเสี่ยง ”
ข้อมูลสถิติที่มา : 1. สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค , สืบค้นเมื่อ 12 ก.พ.2561
2. องค์การอนามัยโลก (WHO) , สืบค้นเมื่อ 12 ก.พ.2561
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น