ในปัจจุบันวิถีชีวิตคนเมือง คือ นอกดึก ตื่นเช้า เร่งรีบกับการทำงาน ทุกอย่างในแต่ละวันจึงเต็มไปด้วยความเร่งรีบ รวมไปถึงการทุ่มเทและให้ความสำคัญกับหน้าที่การงานและภาระต่างๆ จนหลายคนมักที่จะมองข้ามเรื่องการดูแลสุขภาพของตน ส่งผลให้คนเมืองมีภาวะร่างกายเสื่อมถอยสะสมโดยไม่รู้ตัว จากข้อมูลด้านสาธารณสุข พบว่าร้อยละ 10 ของคนเมือง
มีภาวะเสี่ยงต่อการเป็น " โรคออฟฟิศซินโดรม " วิถีชีวิตที่ทำให้สุขภาพแย่ มักมีดังนี้คือ
1. ไม่กินอาหารมื้อเช้า ตามหลักวิชาการแล้วอาหารมื้อเช้า เป็นมื้อที่ร่างกายจะได้รับสารอาหารและพลังงานทดแทนที่เสียไปในระหว่างกลางคืนที่ร่างกายนอนหลับยาวนาน การอดอาหารมื้อเช้าบ่อยๆ จะทำให้ร่างกายขาดพลังงาน สมองไม่ได้รับสารอาหารไปกระตุ้น
จึงทำให้เรามักรู้สึกไม่สดชื่น คิดอะไรไม่ออก สมองประมวลผลช้า
เมื่อสะสมไปนานๆ เข้าก็อาจก่อให้เกิดโรคตามมา เช่น โรคกรดไหลย้อน โรคเส้นเลือดในสมอง
โรคหัวใจ โรคนิ่ว และโรคอัลไซเมอร์ (ความจำเสื่อม) จากผลการศึกษาวิจัยพบว่า คนที่กินอาหารเช้าหลังตื่นนอน 1 ชั่วโมง จะมีแนวโน้มที่อารมณ์ดี จิตใจเบิกบาน รวมไปถึงมีทักษะการเรียนรู้และจดจำที่มากกว่าปกติ
2. ดื่มน้ำน้อย ร่างกายของคนเราส่วนใหญ่ประกอบด้วยน้ำเป็นส่วนใหญ่มากกว่าร้อยละ
70 การดื่มน้ำที่น้อยเกินไปในแต่ละวันจะส่งผลให้เลือดข้น ระบบหมุนเวียนของเหลวในร่างกายผิดปกติและมีอาการปวดศรีษะตามมา แต่การดื่มน้ำวันละ 2-3 ลิตรจะช่วยให้ระบบอวัยวะไต
สามารถดักจับไขมัน และกำจัดสารพิษต่างๆ ที่เข้าสู่ร่างกายได้ดียิ่งขึ้น
ช่วยทำให้ผิวพรรณสดใส ลดปัญหาท้องผูก
ช่วยควบคุมความเป็นกรด-ด่างของของเหลวในร่างกายให้อยู่ในภาวะปกติ
สมองทำงานได้ดีเพราะมีน้ำหล่อเลี้ยงเพียงพอ
3. นั่งท่าเดิมๆ ต่อเนื่องเป็นเวลานาน คนเมือง มีพฤติกรรมการทำงานที่ต้องนั่งท่าเดิมติดต่อกันเป็นระยะเวลานานมากกว่า 6 ชั่วโมง เกิดอาการที่เรียกว่า “โรคออฟฟิศซินโดรม” คือ กล้ามเนื้ออักเสบและปวดเมื่อยล้าตามบริเวณ ไหล่ บ่า ต้นคอ หลัง คนเมืองจึงควรลุกขึ้นขยับร่างกายเป็นระยะๆ
4. ทำงานล่วงเวลา (OT) ร่างกายก็เปรียบเสมือนรถยนต์ หากวิ่งตลอดเวลาไม่ได้พัก
เมื่อถึงจุดหนึ่งเครื่องยนต์ก็ต้องน็อคพังชำรุด ร่างกายของคนเราจึงควรที่จะได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอเหมาะสม จัดสรรตารางและกำหนดขอบเขตความสำคัญของงานว่าจะทำอย่างใดก่อน-หลัง จะได้ไม่ต้องว่างตอนกลางวันแต่งานมากตอนช่วงหลังเลิกงาน
5. นอนดึก อดนอนเป็นประจำ การทำงานล่วงเวลาจนนอนดึก การติดมือถือหรือโซเชียล เช่น Facebook , Instagram , Line ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รบกวนเวลาในการนอนพักผ่อนของคนเมืองให้นอนดึกมากขึ้นกว่าเดิม ถ้าอดนอนบ่อยๆ หรือนอนดึกติดต่อกัน ก็จะส่งผลให้สมองไม่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ
ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงานลดลง ขาดสมาธิ และอารมณ์แปรปรวนอยู่เสมอ
6. ร่วมปาร์ตี้ทุกสัปดาห์ ช่วงวันท้ายสุดสัปดาห์หรือวันหยุด คนเมืองมักคิดว่าทำงานหนักมาทั้งสัปดาห์ก็ต้องปาร์ตี้ให้หายเหนื่อยสักหน่อย แต่ความจริงแล้วร่างกายทำงานหนักติดต่อกันมาทั้งสัปดาห์แล้ว
การปาร์ตี้จนร่างกายทรุดโทรมในช่วงวันหยุดนั้น เป็นการทำร้ายร่างกายยิ่งกว่าทำงานเสียอีก
เช่น แอลกอฮอล์ที่ทำลายสุขภาพโดยตรง การอดนอนที่ทำให้ใบหน้าหมองคล้ำและสุขภาพทรุดโทรม การแฮงค์ในตอนเช้า ทำให้วันหยุดหมดไปกับอาการป่วยคลื่นไส้เวียนหัว แทนที่ร่างกายจะได้พักผ่อนจริงๆ
7. การไม่ออกกำลังกาย คนไทยกว่าร้อยละ 20 เป็นภูมิแพ้จากมลภาวะที่อยู่รอบตัว โดยเฉพาะสังคมเมืองที่มีประชากรอาศัยอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก จนก่อให้เกิดความแออัด เป็นแหล่งเพาะพันธุ์สารก่อภูมิแพ้ขึ้น การออกกำลังกาย คือ สิ่งจำเป็นที่จะช่วยสร้างภูมิต้านทานในร่างกายของเราให้แข็งแรงต่อสู้กับโรคร้ายได้อยู่เสมอ คนเมืองที่ไม่ออกกำลังกายเลยก็จะทำให้กล้ามเนื้อไม่ได้รับการพัฒนา
ร่างกายอ่อนแอ ป่วยง่าย ลงพุงและมีความเครียดสะสม
ที่มา : 1. กระทรวงสาธารณสุข , สืบค้นเมื่อ 5 ต.ค.60
2. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ , สืบค้นเมื่อ 5 ต.ค.60
3. National Weight Control Registry , สืบค้นเมื่อ 5 ต.ค.60
2. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ , สืบค้นเมื่อ 5 ต.ค.60
3. National Weight Control Registry , สืบค้นเมื่อ 5 ต.ค.60
ผู้เรียบเรียง : ภก.เชิดเกียรติ แกล้วกสิกิจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น